วันเสาร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2559

บันทึกการเรียน ครั้งที่ 12

บันทึกการเรียน ครั้งที่ 12
วันที่ 24 ตุลาคม 2559
เวลา 08.30 - 11.30 น.

ไม่มีการเรียนการสอน เนื่องจากหยุดชดเชยวันปิยะมหาราช

บันทึกการเรียน ครั้งที่ 11

บันทึกการเรียน ครั้งที่ 11
วันที่ 17 ตุลาคม 2559
เวลา 08.30 - 11.30 น.

เนื้อหาที่เรียน

วันนี้ไปแจกแบบสอบถามเกี่ยวกับหัวข้อเรื่องที่จะจัดการให้ความรู้แก่ผู้ปกครอง
ณ ศูนย์เด็กเล็กรุ่งรวีพัฒนา และบริเวณชุมชนชุมชนลาดพร้าววังหิน







ประเมินตนเอง 100%
ประเมินเพื่อน 100%
ประเมินผู้สอน 100%





บันทึกการเรียน ครั้งที่ 10

บันทึกการเรียน ครั้งที่ 10
วันที่ 17 ตุลาคม 2559
เวลา 08.30 - 11.30 น.

เนื้อหาที่เรียน

"การเขียนโครงการให้ความรู้ผู้ปกครองเด็กปฐมวัย"


     ส่วนประกอบการเขียนโครงการ มีดังนี้
1.ชื่อโครงการ
     การตั้งชื่อโครงการต้องมีความชัดเจน เหมาะสม และเฉพาะเจาะจง เป็นที่เข้าใจได้โดยง่ายสำหรับผู้นำโครงการไปใช้หรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการ ชื่อโครงการจะบอกให้ทราบว่า จะทำสิ่งใดบ้าง โครงการที่จัดทำขึ้นนั้น ทำเพื่ออะไร ชื่อโครงการโดยทั่วไปควรจะต้องแสดงลักษณะ งานที่ต้องปฏิบัติ ลักษณะเฉพาะของโครงการ และจุดมุ่งหมายของโครงการ
2.วัตถุประสงค์และเป้าหมาย
     โครงการทุกโครงการจำเป็นต้องมีวัตถุประสงค์และเป้าหมายเป็นเครื่องชี้แนวทางในการดำเนินงานของโครงการ โดยวัตถุประสงค์จะเป็นข้อความแสดงถึงความต้องการที่จะจัดทำสิ่งต่างๆภายในโครงการให้ปรากฏผลเป็นรูปธรรม ซึ่งข้อความที่ใช้เขียนวัตถุประสงค์จะต้องชัดเจน ไม่คลุมเครือ สามารถวัดและประเมินผลได้ โครงการแต่ละโครงการสามารถมีวัตถุประสงค์มากกว่า 1 ข้อ
3.เนื้อหา/หลักสูตร
     เป็นเนื้อหาการให้ความรู้แก่ผู้ปกครองในการจัดกิจกรรม ความรู้ต่างๆที่จัดให้ผู้ปกครองได้รับ อาจเป็นความรู้ที่สามารถอ้างอิงได้
4.เป้าหมาย มี 2 แบบ
    - เชิงปริมาณ เช่น ผู้ปกครองของนักเรียนชั้นอนุบาล 3 อายุ 3-5 ปี โรงเรียนพิกุลเงิน จำนวน 20 คน
    - เชิงคุณภาพ เช่น ผู้ปกครองร้องละ 80% สามารถเล่านิทานได้
5.วัน เวลา และสถานที่จัดสัมนา
     ระยะเวลาในการดำเนินงานโครงการ เป็นการระบุระยะเวลาตั้งแต่เริ่มต้นโครงการ จนกระทั่งถึงเวลาสิ้นสุดโครงการ ว่าใช้เวลาทั้งหมดเท่าใด โดยแสดงให้เห็นจุดเริ่มต้น และสิ้นสุด ของโครงการโดยระบุ วัน เดือน ปี ที่เริ่มทำและสิ้นสุด ถ้าหากเป็นโครงการระยะยาว และมีหลายระยะก็ต้องแสดงช่วงเวลาในแต่ละระยะของโครงการนั้นด้วยเพื่อใช้เป็นรายละเอียดประกอบการพิจารณาอนุมัติโครงการ เช่น วันจันทร์ ที่ 10 ตุลาคม 2559 เวลา 09.00 - 17.00 น. ณ โรงเรียนพิกุลเงิน
6.รูปแบบการจัดโครงการ เช่น การบรรยาย การอภิปราย เกมส์ 
7.แผนการดำเนินงาน 
     เป็นขั้นตอนตามลำดับก่อน-หลัง เพื่อใช้ปฏิบัติให้บรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการ วิธีการดำเนินการจึงนำวัตถุประสงค์มาจำแนกแจกแจงเป็นกิจกรรมย่อยหลายกิจกรรม โดยจัดแสดงให้เห็นตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการ ว่ามีกิจกรรมใดที่จะต้องทำให้เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ ซึ่งกิจกรรมต่างๆเหล่านี้ จะนำไปอภิปรายโดยละเอียดในส่วนของการแผนการปฏิบัติงานหรือปฏิทินปฏิบัติงานอีกครั้งหนึ่ง แบ่งเป็น 4 หัวข้อย่อย
    1.การเตรียมงาน : P
    2.การดำเนินงาน : D
    3.การนิเทศติดตามผล : C
    4.การสรุปและประเมินผล : A
8.งบประมาณ แบ่งออกเป็น ค่าตอบแทน/ค่าใช้สอย/ค่าวัสดุอุปกรณ์
9.ผลที่คาดว่าจะได้รับ/ผลที่หวังว่าจะเกิดขึ้นหลังจากทำโครงการ ซึ่งจะสอดคล้องกับวัตถุประสงค์
10.การติดตามและประเมินโครงการ
     ในส่วนนี้จะแสดงถึงการติดตาม การควบคุม การกำกับ และการประเมินผลโครงการ เพื่อให้โครงการบรรลุถึงวัตถุประงสงค์ที่ได้กำหนดไว้อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้เสนอโครงการควรระบุวิธีการที่ใช้ในการควบคุม และประเมินผลโครงการไว้ให้ชัดเจน ทั้งนี้อาจจะต้องระบุบุคคลหรือหน่วยงานที่รับผิดชอบในการประเมินโครงการ พร้อมทั้งบอกรูปแบบการประเมินผลโครงการ
11.ผู้รับผิดชอบโครงการ

ประเมินตนเอง 93%
ประเมินเพื่อน 100%
ประเมินผู้สอน 100%

วันอาทิตย์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2559

บันทึกการเรียน ครั้งที่ 9

บันทึกการเรียน ครั้งที่ 9
วันที่ 3 ตุลาคม 2559
เวลา 08.30 - 11.30 น.

เนื้อหาที่เรียน

นำเสนอวิจัยการให้การศึกษาแก่ผู้ปกครอง



กลุ่มที่ 1 วิจัยเรื่อง การพัฒนาหลักสูตรการฝึกอบรมเลี้ยงดูเด็กปฐมวัยสำหรับผู้ปกครอง จังหวัดมหาสารคาม
กลุ่มที่ 2 วิจัยเรื่อง การพัฒนาและประเมินการใช้โปรแกรมการให้ความรู้ผู้ปกครองไทยในการส่งเสริมทักษะทางการอ่านออกเสียงภาษาอังกฤษของเด็กปฐมวัยด้วยการสอนภาษาแบบโฟนิกส์ โรงเรียนเซนต์แอนดรูส์สามัคคี มหาวิทยาลัยรังสิต
กลุ่มที่ 3 ความสัมพันธ์ระหว่างการให้ความรู้แก่ผู้ปกครองกับความรู้ของผู้ปกครองในการส่งเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัย
กลุ่มที่ 4 การศึกษาความสัมพันธ์คุณลักษณะผู้ปกครองกับพฤติกรรมการมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง โรงเรียนกุ๊กไก่

วิจัยเรื่อง การพัฒนาและประเมินการใช้โปรแกรมการให้ความรู้ผู้ปกครองไทย
ในการส่งเสริมทักษะทางการอ่านออกเสียงภาษาอังกฤษ
ของเด็กปฐมวัยด้วยการสอนภาษาแบบโฟนิกส์ โรงเรียนเซนต์แอนดรูส์สามัคคี

การศึกษาระดับ ศึกษาศาสตร์ดุษฎีบัณฑิต
มหาวิทยาลัย รังสิต
ปีที่ทำวิจัย ปีการศึกษา 2554
ผู้วิจัย คุณแสงวิไล จารุวาที

วัตถุประสงค์ของการวิจัย
1.เพื่อพัฒนาโปรแกรมการให้ความรู้แก่ผู้ปกครองไทย
     เรื่องการส่งเสริมทักษะทางการอ่าน ออกเสียงภาษาอังกฤษของเด็กปฐมวัยด้วยการสอนภาษาแบบโฟนิกส์ ในเรื่องเสียงอักษร (Letter Sounds) ทักษะการผสมเสียงให้เป็นคำ (Blending Skills) และทักษะการแยกเสียงในคำ (Segmenting Skills)
2.เพื่อประเมินการใช้โปรแกรมการส่งเสริมทักษะทางการอ่านออกเสียงภาษาอังกฤษของ เด็กปฐมวัยด้วยการสอนภาษาแบบโฟนิกส์ของผู้ปกครองในไทย

ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ

1.เพื่อส่งเสริมทักษะทางการอ่านภาษาอังกฤษของเด็กปฐมวัยด้วยการสอนภาษาแบบโฟนิกส์ และแผนการดำเนินการใช้โปรแกรมที่ได้ จากการวิจัยนี้ โรงเรียนสามารถนำไปใช้เป็นแนวทางในการจัดกิจกรรมเพื่อให้ผู้ปกครองมีความรู้ ความเข้าใจในการส่งเสริมทักษะทางการอ่านภาษาอังกฤษของเด็กปฐมวัย ให้สอดคล้องไปกับการ เรียนการสอนของทางโรงเรียน
2.เพื่อส่งเสริมทักษะทางการอ่านภาษาอังกฤษ ของเด็กปฐมวัยด้วยการสอนภาษาแบบโฟนิกส์ เป็นแนวทางในการจัดกิจกรรมในโรงเรียนที่มีลักษณะและแนวการเรียนการสอนคล้ายคลึงกัน โดยดัดแปลงให้เหมาะสมกับสภาพและความพร้อมของโรงเรียนนั้นๆ
3.ช่วยให้ผู้ปกครองเป็นผู้ที่มีส่วนสำคัญในการมีบทบาทในการส่งเสริมทักษะทางการอ่าน ภาษาอังกฤษของเด็กปฐมวัย

วิธีดำเนินการวิจัย
   ประชากร
     -เด็กปฐมวัยอายุ 5-6 ปี ที่กำลังศึกษา อยู่ในระดับชั้น Year 1 (ซึ่งเทียบเท่าระดับชั้นอนุบาล 3 ในระบบการศึกษาไทย) โรงเรียนนานาชาติ เซนต์แอนดรูส์สามัคคีปีการศึกษา 2553 จำนวนทั้งสิ้น 14 คน

   กลุ่มตัวอย่าง
     -ผู้วิจัยใช้การคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง จำนวน 11 คน

สรุปผลการวิจัย
     - วัตถุประสงค์ที่1
   เพื่อพัฒนาโปรแกรมการให้ความรู้ผู้ปกครองไทยเรื่องการส่งเสริมทักษะการอ่านออกเสียงภาษาอังกฤษของเด็กปฐมวัย ด้วยการสอนแบบภาษาโฟนิกส์ ในเรื่องเสียงอักษร ทักษะผสมเสียงให้เป็นคำ และทักษะการแยกเสียงในคำ
     - วัตถุประสงค์ที่2
   เพื่อประเมินการใช้โปรแกรมส่งเสริมทักษะทางการอ่านออกเสียงภาษาอังกฤษของเด็กปฐมวัยด้วยการสอนแบบโฟนิกส์ของผู้ปกครองไทย โรงเรียนนานาชาติเซนต์แอนดรูส์สามัคคี ผลจากการเปรียบเทียบความสามารถทางภาษาอังกฤษแบบโฟนิกส์ของเด็กปฐมวัยที่เข้าร่วมโปรแกรมด้วยการทดสอบก่อน และหลังการทดลอง พบว่าหลังการเข้าร่วมโปรแกรม ความสามารถทางภาษาอังกฤษของเด็กปฐมวัยสูงขึ้นกว่าก่อนการเข้าร่วมโปรแกรมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 โดยผู้ปกครองส่วนใหญ่ดำเนินการตามทุกขั้นตอนที่กำหนดไว้ในโปรแกรมอย่างครบถ้วน เมื่อดำเนินการครบแล้วได้หาคำศัพท์นอกเหนือจากที่กำหนดมาให้เด็ได้ฝึกฝนเพิ่มเติม

ประเมินตนเอง 100%
ประเมินเพื่อน 100%
ประเมินผู้สอน 100%

วันอาทิตย์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2559

บันทึกการเรียน ครั้งที่ 8

บันทึกการเรียน ครั้งที่ 8
วันที่ 26 กันยายน 2559
เวลา 08.30 - 11.30 น.

ไม่มีการเรียนการสอน เนื่องจากเป็นสัปดาห์สอบกลางภาค

บันทึกการเรียน ครั้งที่ 7

บันทึกการเรียน ครั้งที่ 7
วันที่ 19 กันยายน 2559
เวลา 08.30 - 11.30 น.

เนื้อหาที่เรียน
รูปแบบการให้ความรู้ผู้ปกครองในสถานศึกษา



ข่าวสารประจำสัปดาห์
     เป็นข้อมูลข่าวสารที่ส่งไปถึงผู้ปกครองเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับกิจกรรมของเด็กที่โรงเรียนและแนวทางการส่งเสริมการเรียนรู้ให้แก่เด็กที่บ้านเพื่อให้ผู้ปกครองเข้าใจและร่วมกันพัฒนาเด็กไปในทิศทางเดียวกัน ข้อมูลประจำสัปดาห์ประกอบไปด้วย
1.พัฒนาการและการเรียนรู้ที่เด็กได้รับจากการปฏิบัติกิจกรรม
2.กิจกรรมครอบครัว เป็นกิจกรรมที่พ่อแม่ร่วมทำกับเด็ก
3.เรื่องน่ารู้สำหรับผู้ปกครอง เป็นการให้ข้อมูลความรู้เพื่อนำไปอบรมเลี้ยงดู ส่งเสริมพัฒนาการเด็กหรือแก้ไขปัญหาพฤติกรรมเด็ก
4.ข้อเสนอแนะของผู้ปกครอง

ตัวอย่าง ข่าวสารประจำสัปดาห์


จดหมายข่าวและกิจกรรม
     เป็นการนำเสนอความรู้ให้แก่ผู้ปกครองในชั้นเรียนให้รับรู้ถึงข่าวสารและกิจกรรมที่น่าสนใจและเป็นประโยชน์ในการพัฒนาเด็ก

ตัวอย่างจดหมายข่าวและกิจกรรม



ป้ายนิเทศให้ความรู้ผู้ปกครอง
     จัดเพื่อให้ความรู้แก่ผู้ปกครองอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งสามารถจัดได้บริเวณหน้าชั้นเรียนของทุกห้อง โดยนำข้อมูลความรู้ที่จำเป็นสำหรับผู้ปกครองจากแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย

ตัวอย่างป้ายนิเทศให้ความรู้ผู้ปกครอง




รูปแบบการให้ความรู้ผู้ปกครองระดับสถานศึกษา

1.การสนทนา
     เป็นรูปแบบการให้ความรู้ผู้ปกครองที่เข้าถึงและตรงมากที่สุด เป็นแนวทางหนึ่งของการสร้างสายสัมพันธ์ที่ดีเพื่อผู้ปกครองและช่วยให้การให้ความรู้แก่ผู้ปกครองเป็นไปอย่างราบรื่น



2.ห้องสมุดผู้ปกครอง
     เป็นสถานที่เก็บรวบรวมข้อมูลเอกสารต่างๆ เป็นแหล่งเรียนรู้อีกรูปแบบหนึ่งของการให้บริการเผยแพร่ความรู้ ข้อมูล ข่าวสาร ความเคลื่อนไหวหรือการเปลี่ยนแปลงที่ทันสมัยสำหรับพ่อแม่ผู้ปกครอง เพื่อให้ผู้ปกครองได้มีความรู้ความเข้าใจในการดำเนินงานของสถานศึกษา



3.ป้ายนิเทศ
     เป็นป้ายที่จัดเพื่อให้ความรู้และข้อมูลข่าวสารแก่ผู้ปกครองทั้งสถานศึกษา ลักษณะของป้ายประกอบด้วยภาพ ตัวอักษร ของจริง แผนภูมิ สถิติ เป็นต้น


4.นิทรรศการ
     เป็นรูปแบบที่เผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร ประชาสัมพันธ์กิจกรรมของสถานศึกษาให้แก่ผู้ปกครองได้อย่างกว้างขวางรูปแบบหนึ่งด้วยการใช้สื่อหรืออุปกรณ์หลายชนิดในการถ่ายทอดและเผยแพร่ความรู้


5.การประชุม
     เป็นกิจกรรมหลักของสถานศึกษาที่สามารถใช้เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารหรือให้ความรู้แก่ผู้ปกครองได้ดีที่สุด ซึ่งจะช่วยให้การดำเนินงานของสถานศึกษาบรรลุวัตถุประสงค์ตามเป้าหมาย


6.มุมผู้ปกครอง
     เป็นบริเวณที่สถานศึกษาจัดให้แก่ผู้ปกครองในระหว่างการเยี่ยมชมโรงเรียน หรือพบปะสังสรรค์ระหว่างผู้ปกครองกับครู


7.จุลสาร
     เป็นสิ่งพิมพ์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารในทุกๆด้านให้แก่ผู้ปกครองได้รับทราบความเคลื่อนไหวและเพื่อประชาสัมพันธ์ เนื้อหาในจุลสารประกอบไปด้วย 4 ส่วน คือ ส่วนของบรรณาธิการ เรื่องราวของเด็กๆ บทความรู้ และเบ็ดเตล็ด

8.อินเทอร์เน็ต
     เป็นเครื่องมือในการสื่อสาร เวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ใช้เพื่อการเรียนการสอน และ เวิลด์ไวด์เว็บ 


9.คู่มือผู้ปกครอง
     เป็นเอกสารที่ให้ความรู้ผู้ปกครองได้รับทราบข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสถานศึกษา โดยจัดพิมพ์แบบหนังสือทั่วไป


คำถามท้ายบท
1.รูปแบบการให้ความรู้ผู้ปกครองระดับชั้นเรียน ครูประจำชั้นควรพิจารณาในการเลือกใช้รูปแบบใดบ้าง จงอธิบายพร้อมยกตัวอย่าง
     ตอบ 1.ข่าวสารประจำสัปดาห์
2.จดหมายข่าวและกิจกรรม
3.ป้ายนิเทศให้ความรู้ผู้ปกครอง

2.รูปแบบการให้ความรู้ผู้ปกครองระดับสถานศึกษามีรูปแบบใดบ้าง จงอธิบายพร้อมยกตัวอย่าง
    ตอบ 1.การสนทนา เช่น พบปะพูดคุย แลกเปลี่ยนความรู้เพื่อเป็นแนวทางพัฒนาเด็ก
2.ห้องสมุดผู้ปกครอง เพื่อให้ผู้ปกครองเข้าใจในการดำเนินงานของสถานศึกษา การอบรมเลี้ยงดู การส่งเสริมพัฒนาการเด็ก การจัดการศึกษา
3.ป้ายนิเทศ เพื่อให้ความรู้ ข้อมูลข่าวสาร เช่น ข่าวของสถานศึกษา
4.นิทรรศการ เช่น นิทรรศการเพื่อประชาสัมพพันธ์ นิทรรศการเพื่อให้ความรู้
5.การประชุม เช่น แลกเปลี่ยนทัศนคติระหว่างสถานศึกษากับผู้ปกครอง
6.มุมผู้ปกครอง ผู้ปกครองได้แลกเปลี่ยนความความคิดเห็นซึ่งกันและกัน
7.จุลสาร ให้ผู้ปกครองได้รับทราบความเคลื่อยไหวและประชาสัมพันธ์
8.อินเทอร์เน็ต ให้ความรู้เกี่ยวกับสถานศึกษา สาระที่เป็นประโยชน์สำหรับเด็ก เป็นต้น
9.คู่มือผู้ปกครอง ให้ผู้ปกครองได้รับข่าวสารเกี่ยวกับสถานศึกษา

3.นักศึกษามีวิธีการหรือแนวทางแก้ปัญหาผู้ปกครองที่ไม่ให้ความร่วมมือในการเข้าร่วมโครงการหรือกิจกรรมให้ความรู้ผู้ปกครอง จงอธิบาย
     ตอบ ให้ผู้ปกครองทำกิจกรรมกับเด็กหรือทำจดหมายข่าวให้แก่ผู้ปกครอง

4.การจัดกิจกรรมการให้ความรู้ผู้ปกครองมีความสำคัญและจำเป็นอย่างไรจงอธิบาย
     ตอบ เพื่อให้ผู้ปกครองได้รู้ความเป็นไปของสถานศึกษา การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน และพฤติกรรมของเด็ก

5.รูปแบบการให้ความรู้ผู้ปกครองที่มีประสิทธิภาพ มีลักษณะของรูปแบบอย่างไร จงอธิบายพร้อมแสดงความคิดเห็น
     ตอบ สถานศึกษาให้ความรู้แก่ผู้ปกครองอย่างถูกต้องแม่นยำ รวดเร็ว และทั่วถึง 

ประเมินตนเอง 97%
ประเมินเพื่อน 100%
ประเมินผู้สอน 100%